เมนู
ประวัติศาสตร์จีน
WebTech Project7

ราชวงศ์ซาง

(1600-1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

ราชวงศ์ชาง เป็นราชวงศ์จีนที่ปกครองต่อจากราชวงศ์เซี่ย ปกครองดินแดนแถบแม่น้ำเหลืองเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล บางครั้งเรียกว่า "ราชวงศ์อิน" (Yin Dynasty) ราชวงศ์นี้เป็นยุคแห่งไสยศาสตร์โดยแท้ นิยมการเสี่ยงทายด้วยกระดองเต่ากันมาก จากหลักฐานที่ขุดได้ พบเป็นแผ่นจารึกตัวอักษรโบราณ และเศษกระดองเต่า มีรอยแตกอยู่ทั่วไป แสดงถึงความเชื่อในอำนาจแห่งสวรรค์ ถือว่าทุกสิ่ง สวรรค์เป็นผู้กำหนด ราชวงศ์ชางมีกษัตริย์ 30 องค์ กษัตริย์องค์สุดท้ายชื่อ พระเจ้าอินโจวหรือ โจ้ว (ติวอ๋อง) ซึ่งในประวัติศาสตร์ประณามไว้ว่า เป็นคนโหดร้ายทารุณมาก นิยมการสงคราม และหลงใหลในอิสตรี โดยเฉพาะสนมเอกชื่อ ต๋าจี หรือขันกี ซึ่งเป็นคนวิปริตผิดมนุษย์ คอยยุยงให้โจ้วฆ่าคนเป็นผักปลา สร้างสระเหล้าดงเนื้อขึ้น (เอาน้ำเหล้ามาใส่ในสระ แล้วเอาเนื้อสัตว์มาห้อยไว้ตามต้นไม้) ต่อมาโจวอู่หวัง เจ้าผู้ครองแคว้นโจวทางตะวันตก ได้ยกทัพมาปราบโจ้วอ๋อง โดยอ้างว่า ได้รับ "อาณัติ" หรือ "เทียนมิ่ง" จากสวรรค์ให้มาปราบ และได้ชัยชนะ โจ้วอ๋องจึงฆ่าตัวตายโดยกระโดดลงกองไฟ แต่จริง ๆ แล้ว นักประวัติศาสตร์ยังไม่แน่ใจนัก ว่าโจ้วอ๋องจะโหดร้ายเช่นนั้นจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับต๋าจีด้วย

ราชวงศ์ชางเป็นราชวงศ์โบราณที่สุดของจีนที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์วงการประวัติศาสตร์ของจีนมักจะเห็นว่า ราชวงศ์เซี่ยเป็นราชวงศ์ที่โบราณที่สุดของจีนแต่ข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์เซี่ยส่วนใหญ่เป็นบันทึกในหนังสือยุคหลังทั้งสิ้นจนถึงปัจจุบันก็ยังค้นไม่พบพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือทางโบราณคดี ส่วนราชวงศ์แรกที่มีพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้และได้จากการค้นพบทางโบราณคดีของจีน คือ ราชวงศ์ชาง

ราชวงศ์ชาง สถาปนาขึ้นประมาณศตวรรษที่ 16 ก่อนคริสต์ศักราช สิ้นสุดลงเมื่อศตวรรษที่ 11 ก่อนคริสต์ศักราช กินเวลาประมาณ 600 ปี ช่วงแรกราชวงศ์ชางเคยย้ายเมืองหลวงหลายครั้ง ในที่สุดได้ตั้งเมืองหลวงขึ้นที่กรุงยิน (บริเวณเมืองอันหยางของมณฑลเหอหนานในปัจจุบัน) พยานหลักฐานทางโบราณคดีพิสูจน์ได้ว่าในช่วงราชวงศ์ชางอารยธรรมจีนได้พัฒนาไปถึงระดับสูงพอสมควร สัญลักษณ์ที่สำคัญ คือ ตัวอักษรโบราณที่สลักไว้บนกระดองเต่าหรือกระดูกสัตว์ และวัฒนธรรมทองสัมฤทธิ์


อักษรจารึกบนกระดองเต่า

การขุดค้นทางโบราณคดีและการวิจัยทางศึกษาวิชาการพิสูจน์ว่า ในสมัยราชวงศ์ซาง มีชุมชนเกิดขึ้นแล้ว ระบอบกรรมสิทธิ์ก็ได้กำหนดขึ้น ตั้งแต่สมัยนี้เป็นต้นมา จีนก็ได้พัฒนาเข้าสู่สมัยอารยธรรม

ราชวงศ์ชางปกครองชนเผ่าต่างๆ ในเขตสองฝั่งลุ่มแม่น้ำหวงเหอ แต่อำนาจมีอยู่อย่างแท้จริงเฉพาะบริเวณรอบๆ เมื่องหลวงเท่านั้น กษัตริย์ราชวงศ์ชางยังต้องทำสงครามกับชนเผ่าต่างๆ อยู่ จึงต้องสะสมกำลังทหารให้เข้มแข็ง และสร้างระบบความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนามาสนับสนุนความชอบธรรมในการใช้อำนาจปกครอง

สังคมในสมัยราชวงศ์ชางมีการแบ่งชนชั้นโดยใช้ฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนด ชาวชางนับถือเทพเจ้าในธรรมชาติ บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และเทพเจ้าแห่งสงคราม

ปลายสมัยราชวงศ์ชาง ชนเผ่าที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของมณฑลฉ่านซี มีอำนาจมากขึ้น และยกทัพเข้ามาโค่นล้มอำนาจของราชวงศ์ชางพร้อมกับสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้น

อารยธรรมในสมัยราชวงศ์ซาง
  1. มีการปกครองแบบนครรัฐ
  2. มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้เป็นครั้งแรก พบจารึกบนกระดองเต่า และกระดูกวัว เรื่องที่จารึกส่วนใหญ่เป็นการทำนายโชคชะตาจึงเรียกว่า “กระดูกเสี่ยงทาย”
  3. มีความเชื่อเรื่องการบูชาบรรพบุรุษ

อักษรบนกระดูกสัตว์