ราชวงศ์ซิน
(ค.ศ. 9-23)
ราชวงศ์ซิน (จีน: 新朝; พินอิน: Xīn Cháo) ถูกสถาปนาโดย จักรพรรดิซินเกาจู่ หรือ หวังหมั่ง (พ.ศ. 543 - 567) ซึ่งสืบเชื้อสายจากขุนนางสกุลหวังเขาเกิดในปีที่ 45 ก่อนคริสตกาล ในตระกูลขุนนางเก่าแก่ หวังเจิ้งจวิน 王政君พระสนมในฮั่นหยวนตี้ฮ่องเต้ มีศักดิ์เป็นป้าของเขา หวังหม่างในวัยหนุ่มนั้นเป็นบัณฑิตคงแก่เรียนผู้ยึดมั่นในลัทธิคำสอนของขงจื่อ เขาได้ชื่อว่าเป็นคนสุภาพเรียบร้อย กตัญญูนบน้อมผู้มีวิชาความรู้

หวั่งหมั่ง
เมื่อหวังหม่างได้มีโอกาสเข้ารับราชการ เขาก็ค่อยๆ ไต่เต้าประสบความสำเร็จมาเรื่อยๆ ในรัชสมัยพระเจ้าฮั่นเฉิงตี้ ทรงปล่อยราชการงานเมืองให้อยู่ในมือ หวังเจิ้งจวินผู้เป็นพระราชมารดา สกุลหวังเริ่มเข้ามายึดอำนาจทั้งฝ่ายหน้า ฝ่ายใน หวังหม่างผู้มีศักดิ์เป็นหลานหวังเจิ้งจวินได้รับแต่งตั้งเป็นถึง ซินตูโหว 新都侯 (เจ้าศักดินากินเมืองซินตู) และในวัยเพียง 38 ปี หวังหม่างก็ขึ้นเป็น ต้าซือหม่า 大司马 คุมกำลังกองทัพแทบทั้งหมด
หวังหม่างในช่วงนี้เป็นที่รักใคร่ของทั้งกษัตริย์ ขุนนาง และประชาชน หวังหม่างสุภาพอ่อนโยน จิตใจเมตตาเสียสละเพื่อประชาราษฎร์ เป็นอยู่สมถะเมื่อพระเจ้าฮั่นเฉิงตี้สิ้นพระชนม์โดยไร้รัชทายาท พระนัดดาขึ้นครองราชย์สืบต่อเป็นพระเจ้าฮั่นไอตี้ในแผ่นดินฮั่นไอตี้นี่เอง ที่สกุลหวังตกกระป๋องสิ้นอำนาจวาสนาพระเจ้าฮั่นไอตี้ผู้มีรสนิยมชายรักชาย มีขุนนางคู่ใจคู่กายคู่นอนนาม ต่งเสียน สกุลต่งจึงขึ้นมีอำนาจ
ในราชสำนักแทน แต่แล้วสวรรค์ก็เล่นตลกอีกครั้ง ในปีที่ 1 ก่อนคริสตกาล ฮั่นไอตี้ก็สวรรคตกะทันหัน หวังเจิ้งจวินและหวังหม่าง กลับมายึดอำนาจกลับคืน ต่งเสียนถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย สกุลต่งถูกกวาดล้าง
หวังเจิ้งจวิน หวังไทเฮาชิงตราหยกมาได้ ตั้งยุวกษัตริย์ฮั่นผิงตี้ขึ้นนั่งบัลลังก์ด้วยพระชนม์เพียง 9 พรรษาตั้งตัวเองเป็น อานฮั่นกง 安汉公 คือเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ที่ทรงพระเยาว์ เป็นเสาหลักค้ำพระราชบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่น ต่อมาเมื่อฮั่นผิงตี้เริ่มเติบโตขึ้นและแสดงความไม่พอพระทัยในตัวหวังหม่าง ฮั่นผิงตี้จึงชะตาขาด
ในรัชสมัย จักรพรรดิฮั่นเฉิงตี้ เมื่อจักรพรรดิหยูจื่ออิง (หวังหม่างยก องค์ชายหลิวอิง) จักรพรรดิองค์ที่ 12 องค์สุดท้ายแห่ง ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียง 7 พรรษา หวังหมั่งในฐานะ อัครมหาเสนาบดี เถลิงตัวเองขึ้นเป็น รักษาการฮ่องเต้ 假皇帝 มีอำนาจสิทธิ์ขาดเหนือทั้งแผ่นดินจึงใช้โอกาสนี้ปลดหยูจื่ออิงออกจากราชสมบัติและสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิซินเกาจู่
ตลอดรัชกาลเป็นรัชกาลที่อ่อนแอและเหี้ยมโหด เมื่อซินเกาจู่สวรรรคตลงในปี ค.ศ. 24 (พ.ศ. 567) จึงเกิดกบฏต่างๆมากมายและ แม้ที่มาจะไม่โปร่งใส แต่ตลอดระยะเวลา 15 ปีของราชวงศ์ซิน ที่มีหวังหม่างครองแผ่นดิน หวังหม่างทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อปฏิรูปประเทศ เขาวางนโยบายปฏิรูปในหลายต่อหลายด้าน และนโยบายปฏิรูปเหล่านี้นี่เอง ที่กลายเป็นเครื่องทำลายเขาในเวลาต่อมา เพราะสิ่งที่หวังหม่างทำนั้น ถือเป็นการปฏิรูปที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ด้วยนโยบาย จิ่งเถียน 井田 เขาปฏิรูปที่ดิน โดยการประกาศให้ที่ดินทั้งหมดกลับมาเป็นสมบัติชาติ แล้วค่อยแจกจ่ายออกไปอย่างเท่าเทียม ห้ามไม่ให้ใครถือครองแผ่นดินเกินที่กำหนด และไม่ให้มีการซื้อขาย นอกจากการถือครองแผ่นดิน หวังหม่างยังให้ควบคุมการถือครองทาส ซึ่งการประกาศพระราชโองการปฏิรูปจิ่งเถียนนี้ ทำให้บรรดาชนชั้นสูง เจ้าที่ดินเสียผลประโยชน์สร้างความไม่พอใจไปทั่ว
ไม่เพียงเท่านั้น หวังหม่างยังลงไปควบคุมถึงเรื่องเศรษฐกิจ หวังหม่างสั่งให้มีการควบคุมการค้าสินค้าอย่าง เกลือ เหล็ก ไม่ให้มีการผูกขาด แล้วยังควบคุมตลาดซื้อขายใหญ่ๆ ทั่วประเทศทั้งที่ฉางอัน ลั่วหยาง
หานตัน หลิงจือ เฉิงตู ไม่ให้มีการผูกขาดค้ากำไรเกินควร ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าพ่อค้าวานิชเป็นอย่างมาก หวังหม่างยังปฏิรูประบบเงินตราขึ้นมาใหม่ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ มีแต่ผู้ไม่เห็นด้วยเพราะขัดผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจเก่า ข้างประชาชนก็ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่หวังหม่างพยายามจะเปลี่ยนแปง ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั้งแผ่นดิน
การบริหารปกครองเริ่มระส่ำระสาย ฟ้าดินก็เริ่มไม่เป็นใจ เกิดอุทกภัยใหญ่ แม่น้ำฮวงโหหลากท้นท่วมบ้านเมืองในเขตซานตง ผู้คนอดอยากล้มตาย ชาวจีนแต่โบราณเชื่อว่า ภัยพิบัติธรรมชาติเป็นลางบอกเหตุว่า ผู้ปกครองนั้นหมดความชอบธรรมแล้ว จึงเกิดกบฏลุกฮือขึ้นทั้งแผ่นดิน กองกำลังกบฏที่สำคัญคือ กลุ่มกบฏลู่หลิน 綠林 : ป่าเขียวจากทางเหนือ และกลุ่มกบฏชื่อเหมย 赤眉: คิ้วแดงจากทางใต้ ศึกเหนือใต้รุมเร้าจนที่สุดกลุ่มกบฏลู่หลินตีนครหลวงฉางอันแตก บุกเข้าวังหลวงได้สำเร็จหลิวซิ่ว ราชนิกูลองค์หนึ่ง สามารถรบเอาชนะคู่แข่งได้และสถาปนาพระองค์เป็น จักรพรรดิฮั่นกวงตี้ ปฐมจักรพรรดิแห่ง ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก และทรงย้ายเมืองหลวงจาก ฉางอัน มาสู่ ลั่วหยาง จึงทำให้ราชวงศ์ซินที่ปกครองจีนเป็นเวลา 16 ปีล่มสลายลง

แผนที่ราชวงศ์ซิน