ราชวงศ์หยวน
(ค.ศ. 1279-1368)

เขตแดนราชวงศ์หยวนประมาณ พ.ศ. 1837 (ค.ศ. 1294)
ราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1279-1368) ยุคนี้ประเทศจีนถูกปกครองโดยชาวมองโกล นำโดย หยวนชื่อจู่ (หรือกุบไลข่าน) ซึ่งโค่นราชวงศ์ซ่ง ตั้งราชวงศ์หยวน หรือราชวงศ์มองโกลขึ้น ยุดสมัยนี้ได้มีชาวต่างประเทศเดินทางมาค้าขายเช่น มาร์โคโปโล มีการพิมพ์ธนบัตรจีนขึ้นครั้งแรกมีการส่งกองทัพรุกราน ชวา เวียดนาม ญี่ปุ่น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สมัยนี้อาณาเขตมีขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าใหญ่กว่าอณาจักรโรมถึง4เท่า หลังจากกุบไลข่านสิ้นพระชนม์ ชนชั้นมองโกลได้กดขี่ชาวจีนอย่างรุนแรง จนเกิดกบฎ และสะสมกองกำลังทหารหรือกลุ่มต่อต้านขึ้น ช่วงปลายราชวงศ์หยวนจูหยวนจางได้ปราบปรามกลุ่มต่างๆ และขับไล่ราชวงศ์หยวนออกไปจากแผ่นดินจีนได้สำเร็จ
ประวัติศาสตร์
ชาวมองโกลได้เข้ายึดครองภาคเหนือของจีนเป็นเวลากว่าทศวรรษ ได้มีความพยายามเปลี่ยนเป็นจีน ตั้งแต่สมัย มองเกอ ข่าน พระเชษฐาของกุบไลข่าน แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งในสมัยของกุบไลข่าน ในปี ค.ศ. 1271 เมื่อมองโกลโค่นราชวงศ์ซ่งลงได้สำเร็จและยึดครองดินแดนจีนได้ทั้งหมด กุบไลข่านได้ประกาศตั้งราชวงศ์แบบจีนขึ้นอย่างเป็นทางการ มีการตั้งกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวง (สมัยนั้นชื่อว่า เมืองต้าตู) ทรงตั้งความหวังจะเป็นกษัตริย์ที่ดี จึงปกครองอย่างสุขุมรอบคอบ เอาใจใส่ประชาชน จึงสามารถชนะใจชาวจีนได้ และเป็นจักรพรรดิมองโกลพระองค์เดียว ที่ชาวจีนยอมรับ (เดิมทีนั้น พวกมองโกลขึ้นชื่อลือชามากในเรื่องความโหด ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากวิถีชีวิตเดิม ที่อยู่ในทุ่งหญ้า ทะเลทราย เร่ร่อนไปเรื่อย ๆ) นอกจากนี้ กุบไลข่านยังพยายามใช้นโยบายขยายดินแดนครอบครองโลกและพาชาวจีนบุกยึดครองดินแดนต่างๆไปกว้างไกลมาก ถึงกับยกทัพเรือจะไปตีญี่ปุ่น แต่เรือถูกมรสุมจึงไม่สำเร็จ
พอสิ้นยุคของกุบไลข่าน ก็ไม่มีกษัตริย์มองโกลพระองค์ใดเด่นเหมือนพระองค์อีก ต่อมาจึงมีการพยายามโค่นล้มราชวงศ์หยวนอยู่ตลอดเวลา จักรพรรดิพระองค์ต่อ ๆ มาของราชวงศ์หยวน ส่วนใหญ่ครองราชย์ได้ไม่นาน และได้ครองราชย์โดยการแย่งชิงอำนาจกัน สาเหตุก็มาจากสาเหตุที่ว่ามองโกลไม่มีกฎแน่นอนเกี่ยวกับการสืบราชบัลลังก์ จวบจนจักรพรรดิหยวนฮุ่ยจง ประมุขพระองค์สุดท้ายซึ่งครองราชย์นานกว่าองค์ก่อน ๆ ในยุคนี้ได้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นมาก เกิดภัยพิบัติขึ้นหลายที่ เชื้อพระวงศ์กับขุนนางต่างร่วมกันข่มเหงชาวบ้าน จึงมีกบฏเกิดขึ้นทั่วไป
ครั้งนั้น มีชายผู้หนึ่งชื่อ จูหยวนจาง ตอนอายุได้ 17 ปี ครอบครัวได้ตายหมดจากโรคระบาด จึงไปบวชที่วัดหวงเจี๋ย ต่อมา ไปเร่ร่อนต่ออีก 3 ปี เนื่องจากเสบียงอาหารหมด แล้วจึงกลับมาที่วัดดังเดิม ครั้นสาวกลัทธิบัวขาวก่อกบฏโพกผ้าแดงขึ้น เขาก็เดินทางไปสมทบกับพวกกบฏ เริ่มนำทัพออกตีก๊กต่างๆ ในแผ่นดิน แล้วในที่สุดก็ได้ส่งแม่ทัพชื่อสีต๋า ไปตีเมืองปักกิ่งได้สำเร็จ เป็นการโค่นล้มราชวงศ์หยวนลงได้ จากนั้นเขาก็ได้ตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิหงหวู่ ใช้เมืองหนานจิงเป็นเมืองหลวง

เครื่องปั้นดินเผา สมัยราชวงศ์หยวน
ภูมิหลัง
เจงกีสข่านได้รวบรวมเผ่าชาวมองโกลและชนเผ่าเตอร์กิค บริเวณทุ่งหญ้าสเตปป์เป็นหนึ่งเดียวและตั้งตนเป็นมหาข่าน ในปี ค.ศ. 1206 เขาและผู้สืบทอดของเขาขยายอาณาจักรมองโกลไปทั่วเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง อาณาจักรดังกล่าวได้กลายมาเป็นจักรวรรดิมองโกล ภายใต้การปกครองของบุตรชายที่สามของเจงกีสข่าน โอเกได ข่าน กองทัพมองโกลได้ทำลายและทำให้ราชวงศ์จินอ่อนแอลง ใน ปี ค.ศ. 1234 ทำให้ชาวมองโกลครอบครองดินแดนจีนตอนเหนือมากที่สุด โอเกได ข่าน เสนอให้หลานชายของเขาชื่อ กุบไล ข่าน เข้ามาดำรงตำแหน่งที่เมือง ซิงโจว, บริเวณเหอเป่ย์ในปัจจุบัน กุบไลไม่สามารถอ่านภาษาจีนได้ แต่มีชาวจีนฮั่นหลายคนที่ตกเป็นเชลยอยู่กับเขาและได้ให้ความช่วยเหลือแก่เขาในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา กุบไลยังได้รับการดูแลควบคู่โดยมารดาของกุบไล ซอร์กาทานีเบกี เขาแสวงหาคำปรึกษาของที่ปรึกษาของชาวจีนและชาวบวชลัทธิขงจื้อ และเริ่มสนใจอารยธรรมจีนมากกว่ามองโกล
มองเกอ ข่าน ได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากกูยัก ข่าน โอรสของโอเกได ข่าน และขึ้นเป็นมหาข่านในปี ค.ศ. 1251 เขาได้แต่งตั้งน้องชายของเขา กุบไล ข่าน ปกครองดินแดนที่มองโกลยึดครองในจีน ในระหว่างที่ปกครองดินแดนจีน กุบไล ข่านได้สร้างโรงเรียนสำหรับศึกษาลัทธิขงจื้อ ผลิตเงินกระดาษขึ้นมาใช้ นอกจากนี้กุบไล ข่านยังฟื้นฟูพิธีกรรมจีนและรับรองนโยบายที่กระตุ้นการเติบโตทางการเกษตรและเชิงพาณิชย์ เขาได้ประกาศให้เมืองไคปิงเป็นเมืองหลวงราชธานี ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ชื่อเมืองถูกเปลี่ยนเป็นแซนาดู
การขยายดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของมองโกล
กุบไลข่านใช้วิธีการขยายดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มจากการส่งทูตไปให้ยอมจำนนและยอมรับอำนาจกองทัพมองโกล หากไม่ยอมจำนนจะใช้สงครามเป็นทางเลือกสุดท้าย
อาณาจักรพุกาม

อาณาจักรพุกาม
ในปี พ.ศ. 1816 (ค.ศ. 1273) กุบไลข่านได้ทรงส่งคณะทูตสามชุดมายังอาณาจักรพุกาม (พม่า) เพื่อให้ยอมจำนนต่ออาณาจักรมองโกล แต่กษัตริย์พม่าในขณะนั้นทรงถือว่าพระองค์มีอำนาจยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงโจมตีรัฐควนไกทางภาคเหนือของอาณาจักรพุกาม ทำให้ชาวมองโกลโกรธแค้น ต่อมากุบไลข่านจึงสั่งให้แม่ทัพนาเซอร์ อัลดินบุตรชายของขุนนางไซยิด อาจัลล์ ขุนนางมุสลิมซึ่งเป็นที่วางพระทัยของกุบไลข่านคนหนึ่ง นำทัพโจมตีอาณาจักรพุกาม ขณะเดียวกันพระเจ้านรสีหบดีของพม่า พระองค์ทรงวางกำลังช้างศึก 2000 เชือก นำหน้ากระบวนทัพ และวางกำลังกองทหารม้าไว้สองด้าน ตามด้วยกองกำลังทหารราบ ผลจากสงครามครั้งนี้กองทัพพม่าปราชัยอย่างย่อยยับ มองโกลได้ยึดเมืองที่มีประชากรกว่า 110,200 ครอบครัว ตามชายแดนพม่า